แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 38
1
พูดคุยเรื่องทั่วไป / หมอประจำบ้าน: โรคด่างขาว (Vitiligo)
« เมื่อ: วันที่ 1 กันยายน 2025, 14:53:58 น. »
หมอประจำบ้าน: โรคด่างขาว (Vitiligo)

โรคด่างขาว (Vitiligo) เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติกับเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสีผิว (Melanocyte) ซึ่งเซลล์ดังกล่าวอาจถูกทำลายหรือหยุดการสร้างเม็ดสีผิว (Melanin) จึงทำให้เกิดเป็นด่างสีขาวคล้ายน้ำนมตามผิวหนัง และสามารเกิดขึ้นกับบริเวณใดก็ได้บนร่างกาย แต่โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ใบหน้า คอ มือ หรือตามรอยพับ และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดมากหรือน้อยเพียงใด

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะพบว่าเกิดโรคก่อนอายุ 40 ปี และประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยทั้งหมดจะเกิดโรคก่อนอายุ 20 ปี สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว แต่ผู้ที่มีผิวสีเข้มก็จะทำให้เห็นได้เด่นชัด อย่างไรก็ตาม โรคด่างขาวเป็นโรคที่ไม่เป็นอันตรายและไม่ใช่โรคติดต่อ แต่อาจส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคนี้ขาดความมั่นใจ และการรักษาจะช่วยทำให้รอยด่างขาวที่ปรากฏลดน้อยลงแต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้


อาการของโรคด่างขาว

อาการของโรคด่างขาว มักจะเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากมีผิวซีดและค่อย ๆ เปลี่ยนไปจนเป็นด่างขาวโดยมักไม่มีผื่นคันนำมาก่อน อาจมีจุดกึ่งกลางของด่างขาวเป็นสีขาวและรายล้อมด้วยสีซีด แต่รอยด่างขาวอาจเป็นสีชมพูอ่อนหากเกิดขึ้นบริเวณผิวหนังที่มีหลอดเลือดอยู่มาก โดยลักษณะของผิวหนังอาจเรียบหรือไม่เรียบก็ได้ และในบางรายอาจมีผิวแดง อักเสบ มีสีผิวที่เข้มขึ้น (Hyperpigmentation) หรืออาจมีอาการคันร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม อาการของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป รูปร่างรอยด่างอาจกลม รี หรือเป็นเส้นยาวก็ได้ มีขนาดต่างกันตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ อาจมีวงเดียวหรือหลายวง กระจายได้ทั่วตัว และมักจะเริ่มเกิดขึ้นบริเวณผิวที่สัมผัสกับแสงแดด เช่น มือ แขน เท้า ใบหน้าและริมฝีปาก

บริเวณที่มักพบได้บ่อยว่าเกิดด่างขาว ได้แก่

    ในปาก รอบปากและรอบดวงตา
    นิ้วมือและข้อมือ
    รักแร้
    ขาหนีบ
    อวัยวะเพศ

นอกจากที่ผิวหนังแล้ว ยังพบรอยด่างได้ตามเยื่อเมือกบุในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ในช่องปาก เหงือก อวัยวะเพศ หัวนม รอยขาวที่หนังศีรษะ หรือตำแหน่งที่มีขนซึ่งจะทำให้ผมและขนบริเวณนั้นเป็นสีขาวไปด้วย

โรคด่างขาวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

    โรคด่างขาวทั่วไป (Non-segmental Vitiligo) เป็นประเภทที่พบได้มากที่สุด มักจะมีอาการเกิดขึ้นในบริเวณเดียวกันทั้ง 2 จุดในร่างกาย หรือพบได้หลายตำแหน่งตามร่างกาย และพบได้ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา เช่น หลังมือ แขน รอบดวงตา เข่า ข้อศอก และเท้า
    โรคด่างขาวเฉพาะที่ (Segmental Vitiligo) เป็นด่างขาวที่พบเฉพาะบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย มักเป็นจุดหรือกลุ่มเล็กๆ โดยจะพบมากในเด็ก

นอกจากนั้น มีโรคด่างขาวประเภทที่ทำให้เกิดด่างขาวทั้งร่างกาย (Universal Vitiligo) แต่จะเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก


สาเหตุของโรคด่างขาว

สาเหตุการเกิดโรคนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่จากการสันนิษฐานพบว่ามีสาเหตุมาจากเซลล์ผิวหนังที่เรียกว่าเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งมีหน้าที่ผลิตเม็ดสีผิว (Melanin) อาจหยุดทำงานหรือถูกทำลาย ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้

    โรคแพ้ภูมิตัวเอง เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ โดยปกติจะทำหน้าที่ทำลายเซลล์ที่แปลกปลอม เช่น ไวรัส แต่กลับมาทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อของร่างกายแทน โดยในที่นี้ ระบบภูมิคุ้มกันได้ทำลายเซลล์ผิวหนังเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีผิว
    สำหรับบางรายอาจพบว่าเกิดโรคด่างขาวที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันตัวเอง เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
    มีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคด่างขาว หรือมีประวัติภาวะแพ้ภูมิตัวเองอื่น ๆ เช่น พ่อหรือแม่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 (Pernicious Anaemia)
    เป็นมะเร็งผิวหนังเมโลโนมา (Melanoma) หรือเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    มีการเปลี่ยนแปลงของยีนจำเพาะ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคด่างขาวประเภททั่วไป
    สารเคมีที่ปล่อยจากปลายประสาทบริเวณผิวหนัง อาจเป็นพิษต่อเซลล์ผิวหนังที่เรียกว่าเมลาโนไซต์ (Melanocyte)
    มีเหตุกระตุ้น เช่น แดดเผา ความเครียด หรือสัมผัสกับสารเคมีอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย


การวินิจฉัยโรคด่างขาว

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นด้วยการซักประวัติอาการต่าง ๆ และทำการตรวจบริเวณผิวหนังที่มีอาการ หรือวินิจฉัยแยกโรค โดยแพทย์อาจตรวจด้วยวิธีต่อไปนี้

    การส่องตรวจด้วย Wood's Lamp เป็นการใช้โคมไฟที่ฉายแสงรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ไปที่ผิวหนังของผู้ป่วย โดยจะช่วยให้แพทย์เห็นรอยด่างขาวได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงช่วยให้แยกแยะโรคด่างขาวออกจากภาวะผิวหนังอื่น ๆ ได้ เช่น โรคเกลื้อน ซึ่งเป็นโรคที่มีการสูญเสียเม็ดสีผิวจากการติดเชื้อรา
    การตัดเนื้อเยื้อส่วนที่เกิดอาการไปตรวจ (Biopsy)
    ตรวจเลือดเพื่อนำไปตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการ หรือเพื่อตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ เพราะโรคด่างขาวมีความเกี่ยวของกับโรคแพ้ภูมิตนเอง


การรักษาโรคด่างขาว

โรคด่างขาวไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การรักษาจะเป็นการประคับประคองอาการหรือทำให้รอยด่างขาวที่ปรากฏดูดีขึ้น และวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการและความต้องการของผู้ป่วย ซึ่งมีการตอบสนองต่อการรักษาไม่แน่นอน การรักษาอาจมีผลข้างเคียงและอาจจะต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน โดยวิธีการรักษาในปัจจุบัน ได้แก่

    ครีมควบคุมการอักเสบ เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับใช้เฉพาะที่ อาจช่วยให้สีผิวกลับมาใหม่ได้ และหากเริ่มใช้ในขณะที่เพิ่งเริ่มเกิดโรค อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาหลายเดือนจึงจะเห็นผล การรักษาด้วยวิธีนี้ค่อนข้างง่ายและมีประสิทธิภาพดี แต่ครีมชนิดนี้สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผิวได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้
    ยาครีมใช้เฉพาะที่ Calcipotriene เป็นยาในกลุ่มวิตามิน ดี สามารถใช้ร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือการบำบัดด้วยการฉายอัลตราไวโอเลต (UV) แต่ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง ผื่นขึ้นและคัน
    ยารักษาโรคที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน คือกลุ่มยาต้านแคลซินูริน สามารถใช้ได้ผลกับผู้ป่วยบางรายที่ผิวหนังขาดการสร้างเม็ดสีผิวบริเวณขนาดเล็ก เช่น ใบหน้าและคอ สามารถใช้ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยการฉายแสงรังสียูวีบี (UVB) แต่ยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงน้อยกว่าคอร์ติโคสเตียรอยด์
    การรักษาด้วยยาควบคู่ไปกับการฉายแสง เป็นการรักษาที่จะให้ผู้ป่วยใช้ยาซอราเลน ร่วมกับการฉายแสง (Photochemotherapy) ตัวยาจะทำให้ผิวมีความไวต่อแสงและทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพู ซึ่งเป็นการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวปกติให้กลับคืนมา โดยการรักษานี้จะมีผลข้างเคียง เช่น แดดเผาอย่างรุนแรง แผลพุพอง ผิวคล้ำมาก และเพิ่มความเสี่ยงเป็นต้อกระจกและมะเร็งผิวหนัง และไม่แนะนำให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี รักษาด้วยวิธีนี้
    การฉายแสงด้วยรังสียูวีบี (UVB) เป็นกระบวนการรักษาที่ง่ายและไม่ต้องใช้ยาซอราเลนร่วมด้วย ซึ่งการรักษาวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพในการรักษาบริเวณใบหน้า ลำตัว แขนและขา โดยผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
    การรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นการรักษาที่จะช่วยให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวขึ้นมาใหม่โดยการใช้เอ็กซ์ไซเมอร์ เลเซอร์ (Excimer Laser) แต่เป็นวิธีที่ใช้กับพื้นที่ขนาดเล็กเท่านั้น และมักใช้รักษาร่วมกับการใช้ยาทาผิว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น แดงและแผลพุพอง
    วิธีฟอกสีผิว (Depigmentation) เป็นวิธีที่ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีด่างขาวแพร่กระจายเป็นบริเวณกว้างและการรักษาอื่น ๆ ไม่ได้ผล โดยจะใช้ยาที่มีส่วนประกอบของโมโนเบนโซน (Monobenzone) ทาลงไปบนผิวหนังที่ยังมีสภาพปกติ ซึ่งจะช่วยทำให้สีผิวค่อย ๆ ขาวขึ้นจนใกล้เคียงกับผิวที่เกิดด่างขาว นอกจากนั้น ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับบำบัดวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 9 เดือนขึ้นไป และต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวที่กำลังรักษาสัมผัสกับผิวผู้อื่นเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น บวม แดง คันและผิวแห้ง
    การศัลยกรรม เช่น การปลูกถ่ายผิวหนัง (Skin Grafting) หรือการสัก (Micropigmentation) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษา และสามารถใช้รักษาร่วมกับการบำบัดในข้างตันได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยวิธีศัลยกรรมจะถูกใช้เมื่อการรักษาด้วยการบำบัดและการใช้ยาไม่เป็นผล โดยมีจุดประสงค์ในการรักษาเพื่อทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ
    การรักษาทางเลือก จากการศึกษาวิจัยพบว่า แปะก๊วย (Ginkgo Biloba) มีส่วนช่วยให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวอีกครั้งในผู้ป่วยโรคด่างขาวที่มีการแพร่กระจายช้า และพบว่ากรดโฟลิกและวิตามิน บี 12 ร่วมกับแสงแดด อาจช่วยคืนให้เกิดสีผิวกลับมาใหม่ได้ในผู้ป่วยบางราย แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่กำลังใช้รักษาอยู่


ภาวะแทรกซ้อนของโรคด่างขาว

ผู้ป่วยโรคด่างขาวอาจเพิ่มความเสี่ยง ดังต่อไปนี้

    เนื่องจากผู้ป่วยโรคด่างขาวจะขาดเม็ดสีผิว (Melanin) จึงทำให้ผิวมีความไวต่อแสงแดดหรือถูกแดดเผาได้ง่าย รวมไปถึงมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้น
    เกิดปัญหากับดวงตา เช่น ม่านตาอักเสบ
    อาจทำให้สูญเสียการได้ยินบางส่วนหรือหูตึง
    ผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น ผิวแห้งและคัน
    เกิดความทุกข์ใจหรือเสียความมั่นใจ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคด่างขาวที่เกิดรอยด่างขาวบริเวณผิวหนังที่มองเห็นได้ง่าย 


การป้องกันโรคด่างขาว

เนื่องจากไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคด่างขาวได้ แต่ผู้ป่วยอาจสามารถดูแลให้ผิวหนังที่เกิดอาการดูดีขึ้นหรือไม่ให้เกิดอาการที่แย่ลง ด้วยวิธีต่อไปนี้

    ปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวี (UV) ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดด (SPF) อย่างน้อย 30 ขึ้นไป ควรใช้เป็นประจำและทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือใช้บ่อยขึ้นหากต้องว่ายน้ำหรือมีเหงื่อออกมาก นอกจากนั้นอาจสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด เพราะการถูกแดดเผาอาจทำให้อาการแย่ลงได้ ที่สำคัญครีมกันแดดยังช่วยให้สีผิวไม่คล้ำลง ทำให้ความแตกต่างของสีผิวปกติกับสีผิวเกิดด่างขาวไม่แตกต่างกันเกินไป
    ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกปิดผิว เช่น เครื่องสำอาง ช่วยให้บริเวณผิวที่ปรากฏด่างขาวดูดีขึ้นและช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจขึ้นได้ ควรทดลองใช้ให้หลากหลายยี่ห้อจนกว่าจะเจอที่เหมาะสมกับตนเอง
    หลีกเลี่ยงการสักลายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคด่างขาว เพราะเสมือนเป็นการทำร้ายผิว และอาจทำให้เกิดรอยด่างขาวใหม่ขึ้นภายใน 2 สัปดาห์

ผู้ป่วยที่เป็นโรคด่างขาว อาจเกิดความเครียด เสียความมั่นใจ หรือรู้สึกแย่กับอาการที่เกิดขึ้น จนอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะผู้ที่มีรอยด่างขาวแพร่กระจายไปทั่วร่างกายหรือปรากฏบริเวณที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ใบหน้า มือ แขน และเท้า โดยวิธีต่อไปนี้อาจช่วยให้ผู้ป่วยรับมือกับโรคด่างขาวได้ดียิ่งขึ้น

    ติดต่อกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังที่มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาจะทำให้ผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาได้อย่างทันท่วงที
    พยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และศึกษาทางเลือกในการรักษาให้มากที่สุด เพื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจหรือปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง
    ควรเล่าหรือระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้แพทย์ฟัง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า เพราะแพทย์จะสามารถแนะนำหรือส่งตัวไปให้ผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพจิตได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยรับมือกับภาวะซึมเศร้าได้
    เข้าร่วมกลุ่มที่ให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคด่างขาว ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยได้ติดต่อพูดคุยเพื่อขอคำแนะนำต่าง ๆ กับผู้ป่วยที่เป็นโรคด่างขาวคนอื่นได้
    ควรให้คนในครอบครัวหรือเพื่อนที่ไว้ใจมีความเข้าใจในตัวผู้ป่วย เพราะความเข้าใจและการสนับสนุนจากคนในครอบครัวและเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขต่อไป

2
สร้างอาชีพจากข้าวกระเพราหมูกรอบรสเด็ด ราคาขายออนไลน์

ข้าวกระเพราหมูกรอบเป็นเมนูยอดฮิตที่ใครๆ ก็ชอบค่ะ การนำมาขายออนไลน์จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้ มาดูสูตรและเคล็ดลับการตั้งราคาขายออนไลน์กันค่ะ

1. สูตรหมูกรอบ (สำหรับทำขาย):

สูตรนี้จะทำให้หมูกรอบของคุณ กรอบนาน ไม่อมน้ำมัน และอร่อยถูกใจลูกค้า

ส่วนผสม:

หมูสามชั้น 1 กก.

เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืช สำหรับทอด

วิธีทำ:

เตรียมหมูสามชั้น ล้างให้สะอาด แล้วซับให้แห้งสนิท

ทาเกลือให้ทั่วชิ้นหมู โดยเน้นที่ส่วนหนัง

ทาน้ำส้มสายชูลงบนหนังหมูให้ทั่ว (น้ำส้มสายชูจะช่วยให้หนังหมูกรอบฟู)

นำหมูไปตากแดด หรือผึ่งลมให้แห้งสนิท (ขั้นตอนนี้สำคัญมาก จะช่วยให้หนังหมูกรอบ) ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ท่วม ใช้ไฟกลาง นำหมูลงทอด โดยเอาด้านหนังลงทอดก่อน ทอดจนหนังหมูฟูและกรอบ

พลิกด้าน ทอดต่อจนหมูสุกเหลืองทั่วชิ้น ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

นำหมูที่พักไว้มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ

2. สูตรผัดกระเพราหมูกรอบ:

สูตรนี้เน้นรสชาติจัดจ้าน กลมกล่อม และหอมกลิ่นกระเพรา

ส่วนผสม:

หมูกรอบที่เตรียมไว้

ใบกระเพรา 1 ถ้วย

พริกขี้หนูแดงจินดา 5-10 เม็ด (ปรับได้ตามความชอบ)

กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ

ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

น้ำเปล่า 2-3 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืช สำหรับผัด

วิธีทำ:

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย พอร้อน ใส่พริกขี้หนู กระเทียม และหอมแดงลงไปผัดให้หอม

ใส่หมูกรอบลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน

ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วดำหวาน และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน

เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันดี

ใส่ใบกระเพราลงไปผัดอย่างรวดเร็ว ปิดไฟ

ตักราดบนข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว

3. การตั้งราคาขายออนไลน์:

การตั้งราคาขายที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างรายได้จากการขายอาหารออนไลน์ พิจารณาปัจจัยเหล่านี้:

ต้นทุนวัตถุดิบ:

คำนวณต้นทุนของหมูสามชั้น เครื่องปรุง ผัก และข้าว ต่อหนึ่งจาน

คำนวณต้นทุนบรรจุภัณฑ์ (กล่อง/ถุง ช้อน ส้อม)

ค่าแรง: หากมีผู้ช่วย ควรคำนวณค่าแรงด้วย

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ:

ค่าแก๊ส/ไฟฟ้า

ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ (กระทะ ตะหลิว)

ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม (หากขายผ่านแอปพลิเคชันส่งอาหาร)

ค่าส่ง (หากจัดส่งเอง)

ราคาคู่แข่ง: สำรวจราคาของร้านอาหารอื่นๆ ที่ขายข้าวกระเพราหมูกรอบออนไลน์ในพื้นที่ของคุณ

กลุ่มเป้าหมาย: พิจารณากำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ

กำไรที่ต้องการ: กำหนดอัตรากำไรขั้นต่ำที่ต้องการ (เช่น 30-50%)

สูตรคำนวณราคาขายเบื้องต้น:

ราคาขายต่อจาน = (ต้นทุนวัตถุดิบต่อจาน + ค่าแรงต่อจาน + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต่อจาน) + กำไรที่ต้องการ

ตัวอย่างการตั้งราคา (สำหรับอ้างอิง):

สมมติว่า:

ต้นทุนวัตถุดิบต่อจาน: 50 บาท

ค่าแรงต่อจาน: 10 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต่อจาน: 5 บาท

กำไรที่ต้องการ: 30%

คำนวณ:

ต้นทุนรวมต่อจาน: 50 + 10 + 5 = 65 บาท

กำไรที่ต้องการ: 65 x 0.30 = 19.5 บาท

ราคาขายต่อจาน: 65 + 19.5 = 84.5 บาท (ปัดเป็น 85 บาท)

ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม:

เพิ่มมูลค่า: หากใช้วัตถุดิบคุณภาพดี หมูกรอบทำเอง หรือมีสูตรพิเศษ สามารถตั้งราคาสูงกว่าได้เล็กน้อย

โปรโมชั่น: จัดโปรโมชั่น เช่น "ซื้อ 2 แถมเครื่องดื่ม" หรือ "ลดราคาสำหรับลูกค้าใหม่"

ตัวเลือกเพิ่มเติม: เสนอตัวเลือก เช่น เพิ่มไข่ดาว, เพิ่มปริมาณหมูกรอบ, หรือมีขนาดให้เลือก (ธรรมดา/พิเศษ) เพื่อเพิ่มราคาขาย

ความสม่ำเสมอ: รักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

การตั้งราคาขายที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้จากการขายอาหารออนไลน์ ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพอาหารและการบริการที่ดี ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจนะคะ!

3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
พูดคุยเรื่องทั่วไป / หมอออนไลน์: ก้างปลา/กระดูกติดคอ
« เมื่อ: วันที่ 30 สิงหาคม 2025, 08:34:54 น. »
หมอออนไลน์: ก้างปลา/กระดูกติดคอ

ก้างปลา หรือเศษกระดูกเป็ดไก่อาจติดคอ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บในคอและกลืนลำบากทันทีขณะกินอาหาร

ถ้าเป็นก้างปลาขนาดเล็ก ๆ อาจหลุดได้เองในเวลาต่อมา หรือการกลืนก้อนข้าวสุกหรือขนมปังนิ่ม ๆ อาจช่วยให้หลุดได้

สาเหตุ

เกิดจากการขาดความระมัดระวังในการกินอาหารประเภทปลาหรือเป็ดไก่

อาการ

ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บในคอและกลืนลำบากทันทีขณะกินอาหาร

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าก้างปลาหรือเศษกระดูกมีขนาดใหญ่ อาจคาอยู่ในลำคอ ทำให้เกิดการอักเสบเป็นหนองได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากการบอกเล่าอาการของผู้ป่วย และตรวจพบมีก้างปลาหรือเศษกระดูกเป็ดไก่ติดคาที่บริเวณคอหอย หากไม่แน่ใจแพทย์อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือส่องตรวจที่คอหอย

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ใช้ไฟฉายส่องดูภายในลำคอ ถ้ามองเห็นก้างหรือเศษกระดูกชัดเจน ให้ใช้คีมหรือปากคีบหยิบออก ส่วนมากมักจะติดอยู่ที่ข้าง ๆ ทอนซิล

2. ถ้ามองไม่เห็นและสงสัยเป็นก้างปลาหรือเศษกระดูกชิ้นใหญ่ อาจต้องใช้เครื่องมือส่องเข้าไปในลำคอคีบเอาออก

การดูแลตนเอง

ถ้ารู้สึกมีก้างปลาหรือเศษกระดูกติดคอ (มีอาการเจ็บคอทันที ระหว่างกินอาหาร) ให้กลืนก้อนข้าวสุกหรือขนมปังนิ่ม ๆ สัก 2-3 คำ

ถ้าหายเจ็บแสดงว่าได้ผล แต่ถ้าไม่หายเจ็บควรไปพบแพทย์

การป้องกัน

ควรระมัดระวังในการกินอาหารที่มีก้างปลาหรือกระดูกเป็ดไก่

ควรเคี้ยวอาหารในปากให้แน่ใจว่าไม่มีเศษก้างหรือกระดูกก่อนกลืน

6
น้ำยาบ้วนปากของเด็ก ส่งผลต่อเครื่องมือการจัดฟันเด็กหรือไม่ 

สุขภาพช่องปากและฟันสำหรับเด็กนั้น เป็นเรื่องพื้นฐานที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น มีความสำคัญและฟันจะอยู่ไปจนเด็กโตขึ้นหรือตลอดชีวิต ซึ่งเราควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดด้วยการปลูกฝังให้เด็กรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกวิธี เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และเข้าใจในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการแปรงฟัน

วิธีการใช้ไหมขัดฟันหรือแม้กระทั่งวิธีการบ้วนปาก ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ไม่เกิดปัญหาฟันผุหรือฟันน้ำนมหลุดก่อนเวลาอันควร เพราะการที่เด็กมีฟันน้ำนมผุและหลุดก่อนเวลาอันควรนั้น จะส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ บางครั้งเมื่อฟันแท้กำลังสร้างฐานฟันและฟันน้ำนมเกิดการหลุดออก อาจทำให้กระบวนการสร้างฐานฟันแท้ไม่สมบูรณ์ บางครั้งอาจทำให้ฟันขึ้นมาในลักษณะที่ผิดปกติหรือต้องเจอกับภาวะฟันหาย นั่นก็คือฟันไม่สามารถงอกออกมาได้ตามปกติ โดยอาการเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

ซึ่งทันตแพทย์จัดฟันจะนำเครื่องมือการจัดฟันติดตั้งเข้าไปในฟันที่ ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้และติดตั้งเครื่องมือเพื่อให้เครื่องมือได้ดึงฟันออกมา แต่วิธีการนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้นการป้องกันไว้ก่อนดีกว่าการต้องมาแก้ไขในอนาคตอย่างแน่นอน ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเอาใจใส่ดูแลในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกให้มาก แนะนำวิธีการต่างๆในการทำความสะอาดช่องปากและฟันรวมไปถึงดูแลในเรื่องของการรับประทานอาหารด้วยให้เด็กรับประทานที่เหมาะสมเพื่อที่จะได้เสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันไปในตัว


แต่สำหรับเด็กที่เข้ารับการจัดฟันเรียบร้อยแล้วก็ต้องมีวิธีการดูแลเอาใจใส่ให้มากกว่าปกติทั่วไป เพราะเรามีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งจะทำความสะอาดได้ยากอยู่แล้ว การแปรงฟันและดูแลฟันให้สะอาด สำคัญที่สุดในขณะจัดฟัน คงไม่มีใครต้องการให้ฟันเรียงตัวสวยแต่มีรอยผุเต็มไปหมด หรือมีเหงือกอักเสบแย่าแน่นอน ดังนั้น ความร่วมมือและใส่ใจในการดูแลฟันตัวเองของเด็กๆในระหว่างจัดฟัน เป็นเรื่องที่นำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจว่าจะเริ่มรักษาโดยการจัดฟันด้วย พ่อแม่หลายคนอาจจะมีคำถามถึงการดูแลรักษาความสะอาดฟันของลูกระหว่างการจัดฟัน ยกตัวอย่างเช่น การใช้น้ำยาบ้วนปากระหวางการจัดฟัน จะมีผลต่อเครื่องมือการจัดฟันหรือไม่ วันนี้ทางคลินิกจะมาพูดถึงการใช้น้ำยาบ้วนปากของเด็ก ระหว่างการจัดฟัน

สำหรับน้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็ก แต่ต้องบอกก่อนว่า น้ำยาบ้วนปาก ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะเด็กอาจจะกลืนเข้าไปและเกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน หรือเกิดการเป็นพิษขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม เด็กเล็กก็สามารถหัดให้ใช้น้ำยาบ้วนปากได้ แต่ทางที่ดีควรรับคำแนะนำจากแพทย์ การใช้น้ำยาบ้วนปากในเด็ก โดยส่วนใหญ่น้ำยาบ้วนปากของเด็กมักจะใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ แต่การที่เด็กเข้ารับการจัดฟันจะใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็ควรเป็นเด็กที่มีอายุ 7 ขวบขึ้นไป จะปลอดภัยกว่า เพราะเด็กมีความเข้าใจในการใช้แล้ว แต่ระหว่างการจัดฟันนั้น การใช้น้ำยาบ้วนปาก ถือว่าเป็นเรื่องดีและไม่ส่งผลต่อเครื่องมือการจัดฟัน แต่อาจจะทำให้สีของยางอาจจะเปลี่ยนไปได้ แต่ไม่ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องมือการจัดฟัน และยังช่วยทำให้การทำความสะอาดฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจฟันหรือจะเป็นการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะการที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีก็จะช่วยทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีตามไปด้วย รวมไปถึงช่วยเสริมสร้างให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษากับทางคลินิกบุตรหลานของท่านจะมีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใส สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขอย่างแน่นอน

7
ราคาน้ำมันปรับขึ้นแต่ทำไม รถรับจ้างขนของ รถรับจ้างขนย้ายบ้าน จึงไม่ปรับขึ้นราคาเพราะอะไร?

ทุกคนสงสัยกันใช่ไหมคะว่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงวิกฤตไหนก็ตามราคาน้ำมันจะมีการปรับขึ้นลง หรือ ณ ปัจจุบันก็ปรับขึ้นราคาลิตรละ 45 บาทขึ้นไป ดังนั้น รถกระบะรับจ้างขนของราคาเท่าไหร่ หรือรถ 6 รับจ้างขนของหรือ รถรับจ้างขนของ อย่างเราก็ไม่อาจที่จะสามารถปรับราคาขึ้นได้

เพราะเนื่องจากเศรษฐกิจในด้านของโรคโควิดระบาดหนักในด้านของการปรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการชะลอหรือทยอยในการฟื้นฟูและจำเป็นที่จะต้องใช้เวลานานนับปีเพื่อทำให้ธุรกิจหรือเศรษฐกิจให้มีการเฟื่องฟูมากขึ้น

แต่ณปัจจุบันนี้ในมุมมองของ รถรับจ้างขนของ อย่างดิฉันคิดว่าหากปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็ต้องมีการปรับแต่ไม่ได้เป็นการปรับราคาค่าขนส่งขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่เป็นการปรับราคาลงเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงง่ายและสามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว

ทีมงานเข้าใจว่าเศรษฐกิจมีการชะลอตัวหรือกำลังจะฟื้นฟูคนก็ต่างตกงานกันมากมายและกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอน เพื่อมาทำการค้าขายที่ใกล้บ้านของตัวเอง อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในทุกรูปแบบ ไม่ว่าทางการขนส่งของพีชภูรีขนส่ง ที่เน้น บริการรถรับจ้างขนของย้ายบ้าน หรือจะย้ายห้อง ย้ายหอทุกชนิดทางเราก็ยินดีที่จะให้บริการรถรับจ้างที่ราคาเป็นกันเอง

เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าและช่วยกันในช่วงของยุคเข้ามาแพง บริการขนส่งรถกระบะรับจ้างขนของจึงจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้มากที่สุด จะได้ตอบโจทย์แก่ลูกค้า หากลูกค้าบางท่านที่กำลังมีความเดือดร้อนจำเป็นที่จะต้องขนย้ายบ้านในทันทีทันใด แต่ไม่สามารถที่จะมีรถของ ของตัวเองขนได้ อาจจะมีรถมอเตอร์ไซค์ เพียง 1 คัน ก็ไม่สามารถที่จะทำการขนย้ายของตัวเองได้

ดังนั้นทางทีมงานจึงเล็งเห็นว่าการให้ บริการ รถกระบะรับจ้างขนของ หรือ รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ ก็อาจจะเป็นตัวช่วย 1 ที่ลูกค้าจะได้ตอบโจทย์และตัดสินใจโดยที่ลูกค้าใช้รถกระบะรับจ้างขนของและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของทางขนส่ง คอยใช้บริการของเรา

ลูกค้าจะได้ไม่ต้องขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านเกิดเมืองนอนให้เสียเวลาสามารถที่จะนั่งติดรถมากับทางทีมงานได้ด้วยค่ะดังนั้นเมื่อลูกค้าได้ ทำการตัดสินใจที่จะขนย้ายสิ่งของทุกชนิดสามารถที่จะใช้บริการรถกระบะรับจ้างขนของรถ 6 ล้อรับจ้างขนของกับทางทีมงานได้เพื่อช่วยประหยัดเวลาประหยัดค่าใช้จ่ายและประหยัดในเรื่องของแรงของตัวเองดังนั้นลดรับจ้างขนของอย่างเราจึงออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่

เพื่อให้บริการที่ดีแก่การขนย้ายทุกวินาทีเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการ

สิ่งอื่นใดในโลกนี้ก็ตาม เมื่อเรียนรู้ และเข้าใจวัฎจักรของการเปลี่ยนแปลง เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ประมุมมอง ปรับวิธีคิด ทำความเข้าใจ เรียนรู้เขา เรียนรู้เราเพื่อให้เกิดผลที่ดี เช่น เราทำหน้าที่รถขนของ เราก็ต้องรู้ดีว่าการขนย้ายแต่ละครั้งจะต้องวางแผนแบบไหน เพื่อที่จะทำให้ผลของมัน เกิดความสำเร็จ เพื่อความเชื่อใจ

สร้างความประทับใจแก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสุงสุดสำหรับงานขนย้ายของนั่นเองค่ะ ทุกคนมีแนวทาง ทุกคนมีมุมมอง ดังนั้นทีมงานรถรับจ้างขนของจึงอยากให้ทุกคน สู้ชีวิตและเรียนรู้กับการเปลี่ยนแปลงของโลก นั่นเองค่ะ

ตลอดการให้บริการ 15 ปีที่ผ่านมา เข้าใจทั้งเรื่องการขนของที่ดี เข้าใจถึงปัญหาของแต่ละคน และเข้าใจถึงวามต้องการของลูกค้า มีทั้งสุข มีทั้งทุกประปนกันไปในแต่ละชีวิต เมื่อลูกค้าได้ขนย้ายไปยังสถานที่ใหม่ก้ก็ ก็ขอให้เป็นการเริ่มต้นสำหรับสิ่งใหม่ที่ดี เป็นพื้นที่อยู่ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นพื้นที่ที่สามรถหกเงินได้เยอะ เราขอเป็นส่วนหนึ่งทีเป็นกำลังใจที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกท่าน รถรับจ้างย้ายของทั่วไทย บริการลูกค้าทุกท่านตลอด 24ชั่วโมง

8
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


9
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


10
วิธีบอกลาความยุ่งยาก ย้ายบ้าน ย้ายหอ ด้วยรถรับจ้างราคาถูก รถรับจ้างมืออาชีพ

ดีที่สุดที่เราจะใช้รถรับจ้างขนของสักที แล้วบอกลาความยุ่งยากในการขนย้ายของ ย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ขนย้ายคอนโด อื่นๆด้วยรถรับจ้างมืออาชีพ ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องยกเอง ด้วยการใช้รถรับจ้างขนของมืออาชีพ บริการที่ครบวงจรให้ความสะดวกสบาย มีความพร้อมในการให้บริการ จากทีมงานที่ได้มาตรฐาน รถขนของสภาพดีและใหม่ คนยกสินค้าที่มีความสามารถและมีความชำนาญในการย้ายของ รับรองว่า คุณจะได้รถรับจ้าง ที่คุ้มค่าในการให้บริการอย่างแน่นอน

เรากังวลอะไรเมื่อต้องขนย้ายของ เปลี่ยนที่อยู่ใหม่
รู้สึกไหมว่าการจะย้ายของในแต่ละครั้ง ย้ายคอนโด ย้ายหอพัก ขนย้ายบ้าน ขนย้ายสำนักงานออฟฟิศ สิ่งที่เรา กังวลมากที่สุดนั่นคือ การยกสินค้าและการจัดเรียงของใหม่ เพราะว่า ถ้าหากว่าเราต้องย้ายของหรือย้ายที่อยู่ งั้นแปลว่า เราจะต้องไปจัดเรียงของใหม่ที่ บ้านใหม่ หอพักใหม่ หรือต้องเก็บของจากที่เดิมใส่ลัง หรือกล่อง เพื่อทำการขนย้าย ซึ่งถือว่า เป็นสิ่งที่จุกจิก และเราเองก็อาจจะไม่มีเวลาในการที่จะจัดของ เรียงของ หรือยกของหนักๆด้วยตัวเอง แล้วทำไมเราจึงต้องมาเหนื่อย ทั้งๆที่เขาก็มีมืออาชีพในการให้บริการ รถรับจ้าง อยู่แล้วพร้อมด้วยพนักงานยกของ

หารถรับจ้างที่คุณไว้วางใจ
ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีมากมายหลากหลายการให้บริการ แต่ถ้า ต้องการที่อยากจะได้รถรับจ้างขนของไม่ว่าจะเป็น รถ 6 ล้อรับจ้างย้ายบ้าน รถกระบะรับจ้างย้ายหอ รถรับจ้างคอกสูง หรือ รถรับจ้างแบบตู้ทึบ รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้างคือรถรับจ้างที่กล่าวมานี้ที่่ให้บริการรับจ้างขนของ แก่ผู้ใช้บริการทุกคนที่มีความสนใจอย่างแน่นอน พร้อมวิ่งเข้าสู่หน้างานให้กับคุณทุกคนที่อยากจะขนย้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรถรับจ้างขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เราก็ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

รถรับจ้างขนของ ที่มีประสบการณ์ กว่า 15 ปี

ที่เราให้บริการรับจ้างขนของ ขนย้ายสินค้าขนย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ขนย้ายออฟฟิศสำนักงาน ย้ายหอพัก ย้ายอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งงานบริการต่างๆเราให้บริการจากมืออาชีพ เรามีวิธีและเทคนิคในการขนย้ายของ เพื่อให้งานที่ออกมานั้นมีความรวดเร็ว และปลอดภัย มีการพัฒนาในเรื่องของการยกสินค้า ยกอย่างไรให้สินค้าไม่ชำรุดเสียหาย จัดเรียงสินค้าแบบไหนให้สินค้าไม่บุบไม่ชำรุด

ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ มีความพร้อมเป็นอย่างมาก สามารถที่จะช่วยเหลือ และตอบโจทย์ในความต้องการของท่านได้เป็นอย่างดี และเมื่อถึงปลายทางเราก็มีคนยกสินค้าที่พร้อมบริการ ไม่ให้คุณต้องเหนื่อย และที่สำคัญ คุณสามารถเลือกที่จะจัดเรียงสินค้าไว้ตรงไหนก็ได้โดยไม่ต้องเหนื่อยในการขนย้ายของแม้แต่นิดเดียว เพราะคุณจะได้บริการจาก พนักงานยกสินค้าที่มีทั้งความเก่ง มีร่างกายที่แข็งแรง เหมาะกับการยกและขนย้ายของเป็นอย่างมาก เพียงแค่คุณเลือกจุดที่ต้องการวางของ ไม่ว่าจะอยู่ที่ห้องไหน ตึกชั้นไหน คุณก็สามารถระบุและชี้บอกคนยกสินค้าได้เลย ไม่มีการบวกค่าบริการเพิ่มอย่างแน่นอน


เราให้บริการรถรับจ้างกี่ประเภท

    รถกระบะรับจ้างแบบคอกสูง
    รถกระบะแบบตู้ทึบ
    รถ 6 ล้อรับจ้างคอกสูงมีผ้าใบคลุม
    รถ 6 ล้อรับจ้างแบบตู้ทึบ
    รถเฮี๊ยบรับจ้าง 3.5 ตันถึง 7 ตัน
    รถสิบล้อรับจ้าง
    รถเทรลเลอร์รับจ้าง

รับจ้างขนของด้วยรถรับจ้างต่างๆเหล่านี้ขนส่ง มีความพร้อมเป็นอย่างมาก ท่านสามารถติดต่อประสานงาน การให้บริการขนย้ายของได้ทุกประเภททุกชนิด ตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่พร้อมให้บริการทั้งในเรื่องของ ข้อมูลราคา และ ขั้นตอนรายละเอียดในการ ขนย้ายสินค้า เป็นต้น

คุณอยู่พื้นที่ไหน รถเราให้บริการในเขตนั้นได้เลย
สำหรับลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมไปจนถึงต่างจังหวัดต่างๆในประเทศไทย ไม่ว่าการขนย้ายนั้นจะอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอ หรือ จังหวัดอะไร รถรับจ้างขนส่ง ของเราก็มีรถให้บริการถึงที่ เช่น รถกระบะรับจ้าง รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้าง รถ 6 ล้อรับจ้าง ซึ่งล้วน แต่เป็นรถรับจ้างที่ได้มาตรฐานทั้งสิ้น ขนไปที่ไหนเราก็วิ่งได้ ต้นทางที่อำเภอ จังหวัดอะไร เราก็วิ่งได้ นี่คือสิ่งที่ ขนส่งของเรามีความได้เปรียบรถรับจ้างเจ้าอื่นๆเป็นอย่างมาก เพราะเราเป็นรถขนของที่เราวิ่งเอง บริการด้วยทีมงาน พนักงานของเราเอง จึงสะดวกและปลอดภัย ไว้ใจได้เป็นอย่างมากที่สุด


ที่นี่เรามีรถรับจ้างขนของจำนวนมากมาย
รถรับจ้างไว้คอยบริการท่านจำนวนมากและไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด ด้วยรถมากกว่า 500 คันในทีมงานของเรา และพนักงานขับรถที่สุภาพ พูดจาไพเราะ และ ให้บริการอย่างเต็มความสามารถ  จนทำให้ ขนส่งเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของผู้ใช้บริการรถรับจ้างต่างๆมากมาย สินค้าประเภทไหนที่ต้องการการยกสินค้าจำนวนหลายคนหรือต้องจ้างคนยกสินค้า แน่นอนว่าในการให้บริการรับจ้างขนของ การที่ลูกค้ามีสินค้าจำนวนมากหรือ มีสินค้าขนาดใหญ่หลายชิ้น ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับเราแต่อย่างใด ของมากของน้อยเราสามาารถจัดการขนย้ายให้คุณได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะยกไปทั้งชิ้นเลย หรือต้องถอดประกอบ บอกได้เลย

เคสตัวอย่างในการรับจ้างขนของ
อย่างในกรณีที่ เคส การให้บริการขนย้ายหอพัก ซึ่งแน่นอนว่า ย้ายหอพัก ก็จะต้องมี ทีวี ตู้เย็น เสื้อผ้า และของใช้อื่นๆ ซึ่งมีความเหมาะมากสำหรับ รถกระบะรับจ้างย้ายหอ หรือ รถ 6 ล้อรับจ้างย้ายบ้าน สินค้าที่ทำการขนย้ายส่วนใหญ่ก็จะเป็น ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน สินค้าจิปาถะ ชุดเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะกินข้าว เครื่องครัวอื่นๆมากมาย ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะใช้รถ 6 ล้อรับจ้างขนาดใหญ่เข้ามาให้บริการ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าลูกค้าจะย้ายสินค้าอะไร ไปที่ไหน วันอะไร รถรับจ้างของขนส่ง ก็จะเอารถขนของที่มีความเหมาะสมกับชนิดของสินค้าที่จะยก รวมถึงพนักงานยกสินค้า มาพร้อมๆกันเลย เพื่อจะได้ง่ายต่อการจัดการ

สนใจใช้บริการรถรับจ้าง ติดต่อที่ไหน

สำหรับท่านใดที่มีความสมประสงค์ต้องการที่อยากจะ ขนย้ายบ้าน ขนย้ายห้อง ขนย้ายอพาร์ทเม้นท์ ขนย้ายหอพัก ขนย้ายสินค้าทั่วไป สามารถติดต่อประสานงานขนส่ง รถรับจ้างขนของ กับเราได้เราพร้อมบริการตลอด 24 ชั่วโมงเราสามารถที่จะ ให้ราคาค่าบริการขนย้ายของด้วยความเป็นมิตร ราคาเป็นกันเอง โทรหาเราได้เลยทันทีตามเบอร์โทรที่ให้ไว้ และต้องขอขอบพระคุณลูกค้าที่ ให้ความไว้วางใจในการ ให้บริการรถรับจ้างขนของจากเราขอบคุณค่ะ

11
การใช้งานท่อลมร้อนให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

การใช้งานท่อลมร้อนให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ ดังนี้:

1. การเลือกท่อลมร้อนที่เหมาะสม

ประเภทของท่อลม:
เลือกประเภทของท่อลมให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เช่น ท่อลมโลหะสำหรับงานอุตสาหกรรมหนัก, ท่อลมผ้าใบสำหรับงานระบายอากาศทั่วไป, หรือท่อลม PVC สำหรับงานดูดฝุ่น
พิจารณาคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ทำท่อลม เช่น ความทนทานต่ออุณหภูมิ, แรงดัน, และสารเคมี

ขนาดของท่อลม:
เลือกขนาดท่อลมให้เหมาะสมกับปริมาณลมที่ต้องการระบาย หากท่อลมเล็กเกินไป จะทำให้การไหลของอากาศไม่สะดวก และสิ้นเปลืองพลังงาน

การติดตั้ง:
ติดตั้งท่อลมให้ถูกต้องตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อป้องกันการรั่วซึมและลดการสูญเสียพลังงาน
ติดตั้งฉนวนกันความร้อน (ถ้าจำเป็น) เพื่อลดการสูญเสียความร้อน และป้องกันอันตรายจากความร้อน


2. การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ

การตรวจสอบ:
ตรวจสอบท่อลมเป็นประจำ เพื่อหารอยรั่ว รอยแตก หรือรอยชำรุด
ตรวจสอบรอยต่อของท่อลม และข้อต่อต่างๆ ว่ามีการเชื่อมต่อกันอย่างสนิทหรือไม่
การทำความสะอาด:
ทำความสะอาดท่อลมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก ซึ่งอาจทำให้การไหลของอากาศไม่สะดวก
ทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศ เพื่อให้พัดลมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การซ่อมแซม:
ซ่อมแซมรอยรั่วหรือรอยชำรุดทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงาน และรักษาประสิทธิภาพของระบบ
การตรวจสอบอุปกรณ์ควบคุม: ตรวจสอบและปรับแต่งอุปกรณ์ควบคุมเช่นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับสารเคมี


3. ข้อควรระวังด้านความปลอดภัย

การป้องกันอัคคีภัย:
เลือกใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟ หรือมีคุณสมบัติในการป้องกันไฟไหม้
ติดตั้งระบบดับเพลิงในบริเวณที่ติดตั้งท่อลมร้อน

การป้องกันอันตรายจากความร้อน:
ติดตั้งฉนวนกันความร้อน เพื่อป้องกันการสัมผัสท่อลมร้อนโดยตรง
ติดป้ายเตือนบริเวณท่อลมร้อน

การป้องกันอันตรายจากสารเคมี:
เลือกใช้วัสดุที่ทนทานต่อสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิต
ติดตั้งระบบดูดอากาศ เพื่อระบายสารเคมีอันตรายออกจากพื้นที่ทำงาน

การระบายอากาศ:
ทำงานในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อลดการสูดดมฝุ่นใยหิน


4. มาตรฐานและความปลอดภัย
มาตรฐาน:
ติดตั้งท่อลมร้อนตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐาน ASTM, EN, SMACNA, ASHRAE, UL, หรือ NFPA
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบระบายอากาศเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย

การบำรุงรักษา:
ควรมีการบำรุงรักษาระบบระบายอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรตรวจสอบและทำความสะอาดท่อลม พัดลม และอุปกรณ์ควบคุมเป็นประจำ
การปฏิบัติตามข้อควรพิจารณาเหล่านี้ จะช่วยให้การใช้งานท่อลมร้อนมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

12
บริการด้านอาหาร: อาหารที่ดีต่อโรคอัลไซเมอร์ !

อัลไซเมอร์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญในวัยผู้สูงวัย ซึ่งต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านการรับรู้และการจดจำ นับว่า “โรคอัลไซเมอร์” เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะสมองเสื่อมที่พบมากที่สุด ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไปและพบในผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปมากถึงร้อยละ 30 ซึ่งสาเหตุของโรคเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสมองบางส่วนที่เกิดการฝ่อ ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองจึงลดลง ส่งผลให้เกิดอาการหลงลืมเรื่องง่าย ๆ หรือไม่สามารถจดจำหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ ซึ่งในระยะยาวอาจไม่ใช่แค่การสูญเสียความทรงจำแต่อาจจะมีอาการทางจิตเวชและมีพฤติกรรมก้าวร้าวร่วมด้วยจึงต้องอาศัยการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งในเรื่องของการรับประทานอาหารของผู้สูงอายุ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องคอยดูแลให้มากเป็นพิเศษ เพราะในกลุ่มคนสูงอายุจำนวนไม่น้อย ก็อาจจะมีโรคประจำตัวร่วมด้วย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ดังนั้น จึงต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อที่จะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง

ทั้งนี้ การรับประทานอาหารในกลุ่มของผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ก็ควรที่จะเลือกรับประทานอาหารที่ดี หลายคนคงเคยได้ยินว่า อาหารและสมุนไพรหลากหลายชนิด สามารถช่วยบำรุงสมอง ป้องกันและรักษาโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะแปะก๊วย น้ำมันปลา และน้ำมันมะพร้าวที่มีการกล่าวถึงคุณประโยชน์ เป็นอาหารบำรุงสมอง ความคิด ความทรงจำ ซึ่งจะมีข้อเท็จจริงอย่างไร ก็ต้องรอพิสูจน์กันต่อไป แต่ในวันนี้เราจะมาแนะนำอาหารที่ดีต่อโรคอัลไซเมอร์ ช่วยบำรุงสมองและความจำได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยบำรุงร่างกายและระบบต่างๆได้เป็นอน่างดีเลยทีเดียว

อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า หลักการรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ก็คือการเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ควรรับประทานเมนูซ้ำๆเดิมๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างหลากหลายและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ในขณะที่สมองของเราทำงานหนักตลอดเวลา บางคนอาจะมีความเครียดจากปัญหาการทำงาน ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่สมองควรได้รับการบำรุง สำหรับอาหารที่ดีต่อสมองก็คือ อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพราะเป็นสารประกอบซึ่งสามารถป้องกันและชะลอการเกิดกระบวนการออกซิเดชั่น ที่ไปทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงการอักเสบของสมองที่จะนำไปสู่โรคสมองเสื่อม สารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยยับยั้งและลดการอักเสบได้ดี อาหารกลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ กีวี และส้ม

นอกจากนี้ยังมีมากในผักหลากสี ดาร์กช็อกโกแลต และขมิ้น ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมไวอีกด้วย นอกจากนี้ ควรเลือกรับประทานอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อยที่สุด หรือธัญพืชเต็มเมล็ด ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวกล้องงอก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งช่วยบำรุงระบบประสาทได้เป็นอย่างดี อีกทั้งข้าวกล้องงอกยังมีสารกาบ้า ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีขึ้นอีกด้วย และสารอาหารที่ควรได้รับอีกอย่างหนึ่งก็คือ สารโคลิน เพราะจะช่วยเพิ่มสมรรถนะการทำงานของสมองได้ดีมากขึ้น แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้สมองสดใสและไม่เสื่อมไวเกินไป และควรสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อผู้ป่วย โดยควรปรับสภาพแวดล้อมให้อำนวยต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วย เช่น จัดระเบียบและการติดตั้งอุปกรณ์การช่วยเหลือตามบริเวณบ้าน รวมถึงการสร้างนิสัยให้ผู้ป่วยใช้การคิดหรือการจำน้อยที่สุด เช่น จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำ เก็บของจำเป็นไว้ในที่เดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดการหลงลืมนั่นเอง

ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่ดี เพราะการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ดังนั้น การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี สามารถเริ่มได้จากการดูแลเรื่องอาหารการกิน เพราะโรคภัยส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเรา เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีควรหมั่นออกกำลังเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนให้เพียงพอก็จะช่วยทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้แล้ว ที่สำคัญในกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์นั้น อาจจะต้องหมั่นเข้าพบแพทย์ และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย

13
จัดฟันบางนา: รู้หรือไม่ แปรงฟันไม่สะอาด มีผลต่อรากฟันเทียมอย่างไร ?

การแปรงฟัน เป็นกิจวัตรประจำวันที่เราทุกคนต้องทำกันอยู่แล้ว ในแต่ละวันที่เราต้องรับประทานอาหารเข้าไปนั้น ช่องปากและฟันของเราก็ต้องได้รับการทำความสะอาด เพื่อขจัดเศษอาการที่เรารับประทานเข้าไป รวมถึงป้องกันการเกิดปัญหาของสุขภาพฟันในระยะยาวด้วย หากเราละเลยในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน อาจจะทำให้เกิดฟันผุ หรือโรคที่เกียวกับช่องปากตามมาได้ การแปรงฟัน คือวิธีรักษาความสะอาดของช่องปากที่สำคัญและไม่ควรละเลย

เพราะหากไม่แปรงฟันให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ หรือแปรงฟันผิดวิธี อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ เกิดคราบหินปูน หรือในกรณีที่ร้ายแรงอาจถึงขั้นสูญเสียฟันได้ และอาจจะต้องทำการฝังรากฟันเทียม ซึ่งการฝังรากฟันเทียมเป็นการทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปที่มีประสิทธิภาพมาก และยังเป็นที่นิยมมาก ซึ่งการฝังรากฟันเทียม จะต้องมีการดูแลรักษาเช่นกัน ซึ่งในช่วงที่พักฟื้น การดูแลสุขภาพช่องปากและบาดแผลที่ได้จากการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ก็ควรใส่ใจมากเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะหากรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว เกิดมีเศษอาหารเข้าไปติดหรือตกค้างอยู่ภายในบาดแผลอาจจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และอาจจะนำไปสู่การอักเสบและติดเชื้อได้

ซึ่งในช่วงแรกภายหลังจากการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ผู้เข้ารับการรักษาอาจจะยังใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดช่องปากไม่ได้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใช้น้ำอุ่นผสมเกลือ บ้วนปาก เพราะการใช้แปรงสีฟันหลังจากการที่ทำการฝังรากฟันเทียมนั้น อาจจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะอาจจะทำให้รากฟันเทียมเกิดการอักเสบ จากแรงกระทบจากแปรงสีฟัน ซึ่งอาจจะทำให้ตัวรากฟันเคลื่อนหรือเกิดการหลุดได้ เนื่องด้วยรากฟันเทียมกับกระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียมยังไม่ประสานตัวกัน


นอกจากนี้ภายหลังจากการฝังรากฟันเทียม เมื่อผ่านไปนานๆ ก็สามารถใช้แปรงสีฟันและทำความสะอาดช่องปากได้ตามปกติ ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่ารากฟันเทียมไม่ใช่ฟันธรรมชาติ แต่ผู้เข้ารับการรักษาก็ต้องรักษาความสะอาดภายในช่องปากให้ดี เพราะอาจจะทำให้เกิดคราบหินปูน เข้าไปเกาะที่ตัวรากฟันเทียมได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้รากฟันเทียมผุได้ และหากไม่ทำการรักษาความสะอาด ก็อาจจะย่นระยะเวลาการใช้งานของรากฟันเทียมอีกด้วย เพราะฉะนั้น การแปรงฟันที่ไม่สะอาดหรือแปรงฟันไม่ถูกวิธี ก็จะส่งผลต่อรากฟันเทียมโดยตรง


รวมไปถึงส่งผลต่อสุขภาพช่องปากด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การรับประทานอาหารก็ส่งผลต่อรากฟันเทียมได้เช่นกัน หรือแม้กระทั่งฟันธรรมชาติของเรา หากเรารับประทานอาหารโดยไม่ระมัดระวัง ก็จะทำให้ให้ฟันของเราเกิดการแตกหัก หรือบิ่นได้ และหากทันตแพทย์พิจารณาแล้วว่า ไม่สามารถแก้ไขได้ ก็จะต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม และในขณะที่เรามีรากฟันเทียมอยู่ในช่องปาก ก็ต้องมีความระมัดระวังด้วย ถึงแม้ว่าวัสดุที่นำมาทำเป็นรากฟันเทียมจะแข็งแรงมาก แต่ก็สามารถหักได้เช่นกัน รวมไปถึงยังส่งผลกระทบต่อเหงือกและสุขภาพช่องปากโดยรวมด้วย

สำหรับการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมกับเรา ควรเลือกที่มีขนาดพอดีกับปาก ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และเลือกลักษณะขนแปรงแบบนุ่มจะดีที่สุด เพราะขนแปรงที่แข็งเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเหงือกและฟัน ส่วนแปรงสีฟันไฟฟ้าก็ใช้ได้เช่นกัน เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีไม่น้อยไปกว่าแปรงสีฟันธรรมดา ผู้ใช้บางรายอาจพบว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยทำความสะอาดได้สะดวกกว่า ทั้งนี้ ควรใช้ร่วมกับยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ด้วย หรืออาจจะใช้ไหมขัดฟันด้วย เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แปรงสีฟันมีอายุการใช้เพียง 3-4 เดือนเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นประจำทุก 3 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าขนแปรงเริ่มเปลี่ยนสี หลุดร่วง งอ หรือดูสกปรก

เพราะหากใช้แปรงสีฟันที่เสื่อมสภาพต่อไป อาจเสี่ยงต่อการสะสมของเชื้อแบคทีเรียมากขึ้นและไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพช่องปาก การเก็บรักษาแปรงสีฟันอย่างเหมาะสม ควรเก็บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ให้แปรงสีฟันเปียกชื้นและเกิดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา อีกทั้งห้ามใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการติดต่อเชื้อโรคที่เป็นอันตราย เพียงเท่านี้ผู้เข้ารับการรักษาก็จะมีสุขภาพฟันที่ดี และจะสามารถยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียมให้อยู่ได้อย่างถาวรอีกด้วย

14
หมอประจำบ้าน: ทริคิโนซิส (Trichinosis/ Trichinellosis)

ทริคิโนซิส เป็นโรคที่เกิดจากพยาธิชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ทริคิเนลลาสไปราลิส (Trichinella spiralis)* ซึ่งมีอยู่ในเนื้อหมูหรือหนู มักพบเป็นพร้อมกันหลายคน ในบ้านเราเคยพบเป็นโรคระบาดทางภาคเหนือหลายครั้ง
 

*วงจรชีวิตของพยาธิทริคิเนลลาสไปราลิส

พยาธิทริคิเนลลาสไปราลิสตัวเต็มวัย (ตัวแก่) ตัวผู้มีขนาดยาวประมาณ 1.4-1.6 มม. และตัวเมียยาวประมาณ 3-4 มม. ปกติอาศัยอยู่ในเนื้อหมูหรือหนู เมื่อคน หมู หรือหนูกินเนื้อหมูหรือหนูที่มีซิสต์ของพยาธิ เมื่อตกถึงลำไส้พยาธิตัวอ่อนจะฟักตัวออกมาจากซิสต์ เจริญเป็นตัวแก่ภายใน 2-3 วัน และภายใน 5-7 วัน พยาธิตัวผู้และตัวเมียจะผสมพันธุ์กัน แล้วตัวเมียจะไชและฝังตัวอยู่ในเยื่อบุลำไส้เล็กส่วนต้น (ของคน หมู หรือหนู) ออกลูกเป็นตัวอ่อน ซึ่งจะไชเข้าหลอดเลือดและท่อน้ำเหลืองเข้าไปในกระแสเลือด แล้วเข้าไปขดตัวอยู่ในกล้ามเนื้อ (ของคน หมู หรือหนู) ประมาณวันที่ 9-23 หลังจากกินซิสต์ พยาธิจะเจริญเติบโตจนเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อ แล้วเกิดมีซิสต์หุ้ม ถ้าซิสต์ไม่ได้ถูกกินตัวอ่อนในซิสต์จะตายและมีหินปูนมาจับ


สาเหตุ

เกิดจากการกินเนื้อหมูหรือหนูที่มีซิสต์ของพยาธิทริคิโนซิส และไม่ได้ทำให้สุก เช่น ลาบ แหนม เป็นต้น

อาการ

ขึ้นกับปริมาณพยาธิที่รับเข้าร่างกาย ถ้าปริมาณน้อยก็อาจไม่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น แต่ถ้าปริมาณมากก็จะมีอาการแสดง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 ระยะพยาธิอยู่ในลำไส้ หลังจากผสมพันธุ์กันแล้ว ตัวเมียฝังตัวในลำไส้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หลังกินเนื้อหมูที่มีซิสต์ของพยาธิประมาณ 24-72 ชั่วโมง และจะมีอาการอยู่นาน 1-7 วัน

ระยะที่ 2 ระยะที่พยาธิตัวเมียออกลูกพยาธิตัวอ่อน (larvae) ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์หลังกินซิสต์ของพยาธิ พยาธิตัวอ่อนจะไชผ่านผนังลำไส้เข้าไปในกระแสเลือด แล้วไชเข้าไปอยู่ตามกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ซึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ในกล้ามเนื้อนานเป็นเดือน ๆ หรือปี ๆ

หลังกินซิสต์ของพยาธิ 2-8 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะเกิดอาการจากพยาธิตัวอ่อนฝังตัวอยู่ตามกล้ามเนื้อ โดยมีไข้สูง (ซึ่งอาจเป็นอยู่นาน 1-2 สัปดาห์) หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บปวดตามกล้ามเนื้อ อาจมีอาการบวมที่หนังตา (ประมาณวันที่ 12-14 ของโรค) กลัวแสง เยื่อตาขาวอักเสบ (เคืองตา ตาแดง) ผิวหนังมีอาการคันหรือมีผื่นขึ้น

ถ้ามีปริมาณพยาธิจำนวนมาก อาการเจ็บปวดกล้ามกล้ามเนื้อจะรุนแรง จนทำให้เคลื่อนไหว หายใจ เคี้ยว กลืน หรือพูดลำบาก อาการจะเป็นอยู่นานหลายเดือนแล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น


ระยะที่ 3 ระยะที่พยาธิตัวอ่อนมีซิสต์หุ้ม ผู้ป่วยจะค่อย ๆ ดีขึ้น ไข้ลดลงและอาการเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อค่อย ๆ ทุเลาลง ซิสต์จะยังคงอยู่ในกล้ามเนื้อตลอดไป โดยพยาธิในซิสต์จะตายและมีหินปูนมาจับ ซึ่งสามารถตรวจพบโดยการเอกซเรย์


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่จะพบได้น้อย ยกเว้นในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง ตัวอ่อนอาจเข้าในอวัยวะสำคัญ ๆ ทำให้ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถ้าเป็นรุนแรงอาจตายหลังเกิดโรคประมาณ 4-6 สัปดาห์


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ระยะที่ 1 และ 3 มักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน (นอกจากอาการปวดท้อง ท้องเดิน)

ระยะที่ 2 ไข้ หนังตาบวม ตาแดง อาจพบผื่นตามผิวหนัง  เคลื่อนไหว หายใจ เคี้ยว กลืน หรือพูดลำบาก

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด ซึ่งจะพบจำนวนเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติและมีจำนวนอีโอซิโนฟิล (eosinophil) สูงถึงร้อยละ 10-90

นอกจากนี้อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง (serologic test) เพื่อตรวจหาสารภูมิต้านทานต่อพยาธิชนิดนี้ การตัดชิ้นเนื้อจากกล้ามเนื้อ (เช่น ที่น่อง) หรือลำไส้ไปตรวจหาตัวพยาธิ

ถ้าสงสัยมีพยาธิในสมอง อาจเจาะหลังนำน้ำไขสันหลังไปตรวจ

การรักษาโดยแพทย์

1. ในระยะพยาธิอยู่ในลำไส้ นอกจากให้การรักษาตามอาการ เช่น นอนพัก ให้ยาแก้ปวดลดไข้ ให้น้ำเกลือแล้ว แพทย์จะให้ยาฆ่าพยาธิ เช่น มีเบนดาโซล, อัลเบนดาโซล เป็นต้น

2. ในระยะพยาธิอยู่ในกล้ามเนื้อ ถ้ามีการอักเสบรุนแรง ให้เพร็ดนิโซโลน พร้อมกับให้ยาฆ่าพยาธิดังกล่าว ซึ่งอาจได้ผลสู้ระยะพยาธิอยู่ในลำไส้ไม่ได้

ผลการรักษา ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรกมักจะหายเป็นปกติ แต่ถ้าปล่อยให้มีภาวะแทรกซ้อนทางสมองหรือหัวใจ ก็มักมีความยุ่งยากในการรักษาและได้ผลไม่ดี


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น หลังกินเนื้อหมู หนู ม้า หรือเนื้อสัตว์ป่าดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ 24-72 ชั่วโมงมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือหลังกินเนื้อหมู หนู ม้า หรือเนื้อสัตว์ป่าดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ 5-7 วันมีอาการไข้สูง เจ็บปวดตามกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะมาก เจ็บหน้าอกมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว ชัก หรือหายใจหอบ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคทริคิโนซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีอาการไข้สูง เจ็บปวดตามกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะมาก เจ็บหน้าอกมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว ชัก หรือหายใจหอบ
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    มีอาการสงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)

การป้องกัน

    กินเนื้อหมูที่ปรุงให้สุกด้วยอุณหภูมิสูงกว่า 71 องศาเซลเซียส ไม่กินเนื้อหมูดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ  (เช่น ลาบ แหนม เป็นต้น) หรือเนื้อหมูที่รมควัน หมักเกลือ หรือปรุงด้วยไมโครเวฟ
    ไม่กินเนื้อหนู ม้า หรือเนื้อสัตว์ป่าดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ
    ล้างอุปกรณ์ (เช่น เครื่องบดเนื้อ มีด เขียง) ที่ใช้เตรียมเนื้อหมูหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ให้สะอาด ป้องกันไม่ให้มีตัวพยาธิเปรอะเปื้อน
    ไม่ใช้เนื้อสัตว์ดิบป้อนหมูที่เลี้ยง
    ควบคุมโรงฆ่าสัตว์ไม่ให้นำหมูที่ป่วยเป็นโรคทริคิโนซิสมาให้คนบริโภค

ข้อแนะนำ

นอกจากหมูและหนูแล้ว ยังอาจพบพยาธิชนิดนี้ในม้าและสัตว์ป่า (เช่น หมูป่า หมี สุนัขจิ้งจอก เป็นต้น) จึงควรป้องกันการได้รับอันตรายจากโรคทริคิโนซิสด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์เหล่านี้แบบดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ

15
พูดคุยเรื่องทั่วไป / รู้ทัน...ป้องกัน โรคปอดอักเสบ 
« เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2025, 12:41:03 น. »
รู้ทัน...ป้องกัน โรคปอดอักเสบ 

โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) คือภาวะที่ปอดเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย, ไวรัส, หรือเชื้อรา ทำให้ถุงลมในปอดเต็มไปด้วยหนองและของเหลว ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนในร่างกายลดลง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้


อาการที่ควรรู้และสังเกต

อาการของโรคปอดอักเสบอาจแตกต่างกันไปตามอายุและชนิดของเชื้อ แต่โดยทั่วไปแล้วมักมีอาการดังนี้

ไข้สูง และหนาวสั่น: เป็นอาการเริ่มต้นที่พบบ่อย

ไอมีเสมหะ: อาจมีเสมหะเป็นสีเหลือง เขียว หรือมีเลือดปน

หายใจหอบเหนื่อย: หายใจลำบาก หรือรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

เจ็บหน้าอก: โดยเฉพาะเวลาไอหรือหายใจเข้าลึกๆ

อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร: รู้สึกไม่มีแรงและไม่อยากรับประทานอาหาร

ในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ อาการอาจไม่ชัดเจนนัก ผู้สูงอายุอาจมีอาการซึมลง สับสน หรือไม่รู้สึกตัว ส่วนเด็กเล็กอาจหายใจเร็วและซี่โครงบุ๋ม


ปัจจัยเสี่ยงและกลุ่มที่ควรระวัง

ผู้สูงอายุและเด็กเล็ก: ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ

ผู้ที่มีโรคประจำตัว: เช่น โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคปอดเรื้อรัง (เช่น หอบหืด, ถุงลมโป่งพอง)

ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง: เช่น การสูบบุหรี่จัด หรือการดื่มแอลกอฮอล์

ผู้ที่นอนติดเตียงเป็นเวลานาน: มีความเสี่ยงในการสำลักอาหารหรือของเหลวเข้าปอด


การป้องกันที่ทำได้ด้วยตัวเอง

ฉีดวัคซีน: การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และวัคซีนนิวโมคอคคัส (Pneumococcal Vaccine) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคปอดอักเสบ

ล้างมือให้บ่อย: เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อโรคต่างๆ

รักษาสุขภาพให้แข็งแรง: ทานอาหารที่มีประโยชน์, ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำลายปอด

หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด: โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดโรคระบาด

การรู้ทันอาการและรู้จักการป้องกันจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคปอดอักเสบได้ค่ะ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด

หน้า: [1] 2 3 ... 38