โดยปกติแล้วเราอาจไม่รู้สึกเจ็บมากขณะติดเครื่องมือจัดฟัน แต่ความเจ็บปวดนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงหลังติดหรือปรับเครื่องมือจัดฟันเป็นต้นไป แล้วความเจ็บเหล่านี้เกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันไหม แล้วเราสามารถบรรเทาอาการปวดฟันได้อย่างไรบ้าง
ทำไมเราถึงปวดฟันหลังจัดฟัน
อาการปวดฟันหลังจัดฟันเกิดจากเครื่องมือจัดฟันจะส่งแรงเพื่อดันฟันไปยังตำแหน่งที่คุณหมอฟันกำหนดทิศทางเอาไว้จึงทำให้แรงดันฟันไปกดหลอดเลือดและก่อให้เกิดอาการปวดตามมา โดยทั่วไปแล้วอาการปวดจะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังจากติดหรือปรับเครื่องมือจัดฟันไปแล้วประมาณ 3 – 5 วัน แต่หากคนไข้ทำพฤติกรรมบางอย่างก็อาจไปกระตุ้นอาการปวดให้รุนแรงยิ่งขึ้นได้ด้วย เช่น การรับประทานอาหารที่แข็งหรือเหนียวเกินไปจนเศษอาหารไปติดอยู่ตามแบร็กเก็ต, การนอนกัดฟันโดยไม่รู้ตัวหรือกัดฟันแสดงอารมณ์โกรธ, เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ฟันถูกกระแทกอย่างรุนแรง เป็นต้น
ปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นหลังจัดฟัน
1. เศษอาหารติดตามเครื่องมือจัดฟัน
นับเป็นหนึ่งในปัญหาสากลที่คนจัดฟันทุกคนต้องเจอค่ะ ขนาดฟันของเราเองก็ยังมีโอกาสทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึงจนมีเศษอาหารติดตามซอกฟันได้แล้ว ยิ่งมีเครื่องมือจัดฟันด้วยก็ยิ่งมีเศษอาหารติดง่ายมากยิ่งขึ้น หากคนไข้ทำความสะอาดเศษอาหารตามเครื่องมือออกไม่หมดก็อาจกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียภายในปาก โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูง ปล่อยให้เศษอาหารตกค้างอยู่นานก็อาจก่อให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นปาก เหงือกอักเสบ ฟันผุ ฯลฯ
2. มีกลิ่นปาก
สืบเนื่องมาจากเศษอาหารที่ตกค้างที่เป็นอาหารของแบคทีเรียภายในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นเศษอาหารที่ติดอยู่ตามลิ้น (โดยเฉพาะโคนลิ้นด้านในสุด) ร่องเหงือก ใต้ขอบเหงือก หรือแม้แต่บริเวณที่ผ่านกาารรักษาทางทันตกรรม เช่น บริเวณที่อุดฟัน การครอบฟันไม่พอดี มีฟันผุเป็นรูกว้าง ฯลฯ เมื่อช่องปากมีแบคทีเรียมากขึ้นก็ยิ่งทำปฏิกิริยาที่ทำให้บริเวณที่มีเศษอาหารเกิดการบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็นออกมานั่นเองค่ะ ยิ่งถ้าคนไข้รับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงอย่างกระเทียม หัวหอม สะตอ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งกระตุ้นให้กลิ่นปากรุนแรงขึ้นได้อีกด้วยนะคะ
3. ร้อนใน เป็นแผลในปาก
ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับคนไข้ที่ใส่เครื่องมือชนิดติดแน่นค่ะ เนื่องจากตัวเครื่องมือจะต้องอยู่ในช่องปากของเราตลอดเวลาและถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกาย จึงก่อให้เกิดอาการระคายเคืองและเกิดแผลง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแบร็กเก็ตเกิดการเสียดสีกับกระพุ้งแก้มตลอดเวลาด้วยแล้ว ก็ยิ่งเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะเกิดแผลบริเวณกระพุ้งแก้ม นอกจากนี้ยังเกิดจากความไม่คุ้นชินในการมีเครื่องมืออยู่ในปาก อาจทำให้เผลอกัดเหงือกตัวเองได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
4. น้ำลายไหลบ่อยกว่าปกติ
เกิดจากเครื่องมือจัดฟันจะไปกระตุ้นให้ช่องปากผลิตน้ำลายเยอะขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ช่องปากแห้งและขาดน้ำ บวกกับช่องปากของเรายังไม่คุ้นชินที่มีเครื่องมืออยู่จึงทำให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตน้ำลายให้มากขึ้น แต่หากผ่านไปสักพักแล้วอาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเองค่ะ
บรรเทาอาการปวดฟันได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีที่ใครก็ทำได้ด้วยตัวเอง
1. บ้วนน้ำเกลือเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน เสียวฟัน และเหงือกอักเสบ
2. ทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาพาราเซตามอล (Paracetamol), ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs), ยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ทั้งนี้หากทานมา 7 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบหยุดยาและไปพบคุณหมอทันที เนื่องจากยาเหล่านี้อาจมีผลข้างต่อกระเพาะอาหาร
3. งดรับประทานอาหารที่มีเนื้อแข็งหรือเหนียวมากเกินไป เพื่อป้องกันเศษอาหารติดเครื่องมือจัดฟันและป้องกันเครื่องมือหลุดออกมา
4. ทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาทถึง 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เศษอาหารตกค้างในช่องปาก โดยใช้แปรงซอกฟัน ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปากร่วมด้วยทุกครั้ง
5. รักษาอาการกัดฟันจากความเคยชิน เช่น ใส่เสือบซบฟันขณะนอนหรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการปะทะ
6. หากพบว่าเหล็กจัดฟันทิ่มกระพุ้งแก้ม ให้ใช้สีผึ้งปั้นเป็นก้อนและทาเคลือบเหล็กเพื่อลดการเสียดสีบริเวณกระพุ้งแก้ม จากนั้นให้รีบไปพบคุณหมอเพื่อปรับเครื่องมือ
จัดฟันบางนา: บรรเทาอาการปวดฟันได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีที่ใครก็ทำได้ด้วยตัวเอง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/